ตลาด Adobe Stock คืออะไร
Adobe Stock ลูกค้ามาซื้อภาพเรา วีดีโอ elements ต่างๆไปใช้งานต่อ
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทมากกว่าบุคคล
อะ..ขอย้อนกลับมาหน่อย
ใครรู้จักธุรกิจ Print on Demand จากชื่อเพจแป้ง Amazon Merch on Demand by ครูแป้ง
ก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าลูกค้าหลักของเราคือ ลูกค้าที่ใช้สินค้าเอง ไม่ว่าจะซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าใช้เอง จนไปถึงการซื้อฝากคนรอบข้าง เป็นต้น
ทีนี้พอมาทาง Adobe Stock กลุ่มลูกค้าหลักที่ซื้อจากเรา มันคนละกลุ่มกัน
Adobe Stock ลูกค้ามาซื้อภาพเรา วีดีโอ หรือ elements ต่างๆไปใช้งานต่อ
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทต่างๆมากกว่า
ตัวอย่างเช่น
ลูกค้าหารูปภาพ วีดีโอ หรือ elements ที่พวกเราคนผลิตสร้าง เพื่อเอาไปใช้งานต่อ เช่น ประกอบรายละเอียดเล็กๆน้อยๆใน website ของเค้า บทความ สื่อต่างๆ จนกระทั่งบอร์ดใหญ่ๆ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งจะเห็นว่าลูกค้าไม่ได้ซูมรายละเอียดรูปภาพ จนกระทั่งรูขุมขนเสมอไป ก็สามารถเอาไปประดับเป็นส่วนประกอบงานของเค้าได้เช่นกัน
ลูกค้าหารูปภาพ วีดีโอ หรือ elements เพื่อไปประกอบบทความ หรือโฆษณา เพื่อโปรโมทธุรกิจ หรือสินค้าของเค้า หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ
โดยภาพที่ลูกค้าหา อาจเป็นแนว ภาพถ่าย / watercolor /sci-fi / illus / vintage และอื่นๆมากมายก็ได้ ที่หลายๆคำศัพท์ คนใหม่ๆอย่างเราๆ อาจจะไม่รู้จักว่าเรียกว่าอะไรด้วยซ้ำไป ตามแต่ทีมแผนกบริษัทที่จัดการในส่วนนี้ หรือคนที่จัดการดูแลส่วนนี้ เค้าตีความโจทย์ของบริษัทหรือคนจ้างงานเค้าอีกทีออกมา ว่าต้องการแบบไหน
โดยที่ลูกค้าเอง นอกจากแนวด้านบนที่เขียนแล้ว
เค้าอาจจะต้องการภาพที่สื่ออารมณ์ เช่น แนวน่ากลัว (อาจจะใกล้ Halloween season หรือไม่ใกล้ก็ได้) แนวเศร้า แนวตื่นเต้น แนวที่เปิดมาปุ๊บทุกคนจะต้องสนใจ หรือ touch ใจลูกค้ากลุ่มไหนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเค้า และอื่นๆอีกมากมาย
และยังไม่นับว่า ถ้าเรามองถึงอุตสาหกรรมต่างๆของบริษัทที่จะเข้ามาหาภาพ มันก็มีมากมายแล้ว
ตั้งแต่ อุตสาหกรรมภาคบริการที่ไม่มีสินค้า
ร้านค้าต่างๆ ที่อาจจะต้องการภาพเพื่อโปรโมทกิจกรรม Sale หรือกิจกรรมอื่นๆในแต่ละช่วงเวลาต่างๆ หรืออาจจะเป็นรายละเอียดที่ลูกค้าอาจจะซื้อไปปริ๊นเอง ติดตามชั้นวางสินค้าของเค้า (ซึ่งแต่ละร้านค้า ความต้องการก็แตกต่างกัน เพราะสินค้าก็แตกต่างกัน)
จนไปถึงอุตสาหกรรมหนัก เช่นเหมืองแร่ต่างๆ ก่อสร้าง (ใครเริ่มทำมาแล้ว บางทีก็จะเห็นว่า ภาพคนงานทำงานในภาคนี้ ก็มีออกเรื่อยๆได้เช่นกัน)
หรือถ้าเราไม่มองในรูปแบบของอุตสาหกรรม
กิจกรรมต่างๆที่ผู้คนทำ กิจกรรมโยคะ การออกกำลังกาย ชอบทำอาหาร การเดินป่า การเล่นหมากรุก และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ เป็นรูปภาพที่เราสามารถเอามาลงได้เช่นกัน และสามารถออกได้เรื่อยๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพถ่ายเท่านั้น ภาพรูปแบบอื่นๆ ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน ก็มีโอกาสขายได้หมด
น่าจะพอเห็นภาพเนอะ ว่าตลาดนี้ สิ่งที่เราสามารถสร้างได้ มันมีเยอะมากขนาดไหน
อย่างรูปนี้ เป็นตัวอย่างแอคเค้าท์ Adobe Stock ที่แป้งเพิ่งเริ่มหัดทำมาได้ 4 เดือน
โดย 3 เดือนแรก แป้งพยายามหาเวลาส่งงาน (มีใช้ AI และบอทช่วยแบ่งเบาเวลา)
และในเดือนที่ 4 (1 เดือนเต็มๆ) ไม่ลงงานเลย เพราะอยากรู้ว่า มันจะมีความเป็น passive income ได้มากน้อยขนาดไหน
ซึ่งผลออกมาแล้วว่า (จาก 4 แท่งสุดท้าย) ยอดรายได้ก็ไม่ได้ตกลง ถือว่าเป็นอีกธุรกิจที่สามารถเป็นช่องทางรายได้ได้อีกทาง
เราไม่จำเป็นต้องใช้บอทก็ได้ แต่เราอาจจะต้องคิด และตีโจทย์ต่อ
ว่าการทำมือของเราแต่ละครั้ง เราจะทำอะไร
การไม่ใช้บอท แต่ยอดขายเยอะกว่าสาย AI ก็เป็นไปได้เช่นกัน
คนที่เก่งๆมีมากมาย และอย่างน้อย เค้ามีประสบการณ์ ผ่านการฝึกฝนมากมาย และมีความสามารถเยอะกว่าพวกเรามากด้วย
แต่ก็บอกไม่ได้ว่า จะต้องใช้เวลานานขนาดไหน โดยเฉพาะสำหรับแอคเค้าท์ที่เปิดใหม่ เพราะมันคือการสะสมของเวลา ... กว่าลูกค้าจะมาเริ่มซื้อ กลับมาซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก จนดันงานเราติด pop หน้าแรกให้ลูกค้าเจอง่ายได้
ในมุมของแป้งเอง สิ่งที่บอท หรือ AI เข้ามาช่วยเราได้ เช่น
1) การใช้ chatgpt ช่วยเราคิด prompt นอกกรอบความรู้ที่ตัวเรามี เราจะได้มุมอื่นๆ คำศัพท์อื่นๆที่เราไม่ค่อยได้มีโอกาสในการสัมผัสในชีวิตทั่วไปของเรา
2) การใช้ midjourney มันช่วยตีความจากคำสั่งจาก prompt ที่เราได้มาอีกทีจาก chatgpt ซึ่งภาพที่ออกมา ก็แล้วแต่คำสั่งที่เราใส่ไป โดยแต่ละครั้ง ภาพมันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
3) มันช่วยคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อน แทนที่จะไปนั่งเรียนโปรแกรม หัดออกแบบทีละชิ้น หรือไปซื้อกล้องถ่ายรูปมาเรียนรู้หัดถ่ายภาพ และยังต้องศึกษาว่า ถ้าฉันอยากจะสร้างภาพเหล่านี้เอามาขายต่อ เราจะต้องใช้เวลาในส่วนนี้อีกเท่าไร
ยังไม่นับ การสร้างงานทีละชิ้น แล้วยังต้องมานั่งใช้โปรแกรมต่างๆที่ต้องหัดเรียนใหม่มาเก็บรายละเอียด กว่าจะทำงานจบ 1 ชิ้นออกมาส่งขายอีก
ซึ่งประสบการณ์ที่เป็น 0 ไปเทียบกับคนที่มีประสบการณ์มากมาย รู้ตลาดดี และเก่ง มีงานที่เป็นเอกลักษณ์ มันเทียบไม่ได้แน่นอน
และสำหรับการใช้บอท
1) แน่นอน ว่ามันช่วยเซฟเวลาการทำงานให้กับเรา ในส่วนของการช่วยส่ง prompt ไปยัง Midjourney รวมไปถึงช่วยคิด title , tag ต่างๆฝังลงไปในภาพให้เราเลย
แทนที่เราจะนั่งคิด นั่งส่งทีละคำสั่ง
การมีบอททำให้เราสามารถทิ้งไว้ให้บอททำงาน ในระหว่างที่เราสามารถเอาเวลาช่วงนั้น ไปทำเรื่องอื่นได้
2) การใช้บอท ทำให้ปริมาณงานเพิ่มขึ้นเร็ว (ในมุมของแป้ง) คือมันช่วยชดเชย ระยะเวลาให้เห็นเม็ดเงินไวขึ้น เมื่อเทียบจากสมัยก่อน ที่ไม่มี AI หรือบอท
มันจึงเสมือนเป็นการซื้อเวลา หรือการลงทุนในเรื่องของเวลาด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม การเล่นกับปริมาณ ก็ไม่ใช่ว่า จะส่งงานซ้ำๆคล้ายเดิม จนเสมือนเป็นสแปม
อย่างที่เขียนมาด้านบน ว่าตลาดนี้มันกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน
เราจะใช้บอท เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีอยู่ทุกที่ขนาดนี้ได้ขนาดไหน .. คือสิ่งที่เราอาจจะต้องไปทำการบ้านต่อ
ซึ่งจุดเริ่มต้นของไอเดียการทำงาน มันมีหลากหลายรูปแบบ
และสิ่งที่สำคัญที่สุด จึงหนีไม่พ้น การลองลงมือทำ ทำ และทำ นั่นเอง
สำหรับแป้งเอง ปัจจุบันใช้บอท Genby AI เดือนละ 1000 บาท
(ใครสนใจ อยากจะลองใช้ตาม มีโค้ดทดลองเดือนแรก ลด 10% อยู่ใน คอร์สฟรี ที่แป้งทำไว้นะคะ)
ลงทะเบียน คอร์สฟรี Adobe Stock
อย่างน้อยให้รู้ว่า ธุรกิจนี้ มันคืออะไร ทำอะไร รวมไปถึงสาย AI ต้องมีต้นทุนอะไรบ้าง
เพื่อที่จะตัดสินใจต่อ ว่าอยากจะลองกับธุรกิจนี้ หรือว่า ไปลองธุรกิจอื่นจะดีกว่า
สำหรับคนที่ยังไม่มีทุนในการใช้บอท สามารถเริ่มต้นได้โดยที่ไม่มีบอทเช่นกัน (ดีกว่าไม่เริ่มอะไรเลย)
..การเริ่มต้น อย่างน้อยจะได้รู้ ว่าสิ่งใหม่ที่กำลังลองลงมือทำนี้ สำหรับเรา มันโอเคมั้ย เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในต่อไปในอนาคต
ติดต่อแป้งได้ที่ Facebook Page นะคะ
>> Amazon Merch on Demand by ครูแป้ง <<
รายละเอียดคอร์ส (ทั้ง คอร์สฟรี 3 ธุรกิจออนไลน์ และคอร์สแบบมีค่าใช้จ่าย) ดูได้ที่เว็บค่ะ